เจดีย์ชเวมอดอร์ (พระธาตุมุเตา) เมืองหงสาวดี ประเทศพม่า
อีกหนึ่งเจดีย์ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้สำหรับเพื่อนๆ
ที่จะเดินทางไปเที่ยวพม่า ถือได้ว่าเป็นเจดีย์อีกหนึ่งเจดีย์ที่สวยงามไม่แพ้ เจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง กันเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่พม่าเป็นประทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย
จึงถูกใจนักเที่ยวอย่างเราๆท่านๆไปไม่น้อย
เจดีย์ที่ว่านี้ก็คือ เจดีย์ชเวมอดอร์หรือพระธาตุมุเตา เมืองหงสาวดี นั่นเองครับ
เจดีย์ชเวมอดอ ( เจดีย์พระธาตุมุเตา ) คือ
เจดีย์ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญของเมืองหงสาวดี
เป็นมหาเจดีย์เก่าแก่ยาวนานกว่า 2,000 ปี ตั้งอยู่กลางเมืองหงสาวดี พม่าเรียกพระธาตุมุเตาว่า ‘ชเวมอดอ’
ครับซึ่ง
หมายถึง มหาเจดีย์พระเจ้าทองคำ เป็นเจดีย์ 1
ใน
5 ของเจดีย์ชื่อดังและมีความยิ่งใหญ่ที่สุดในพม่านั่นเองครับ ด้วยความที่เป็นเจดีย์ที่โด่งดังจึงมีผู้คนแวะเวียนไปสักการบูชาอย่างไม่ขาดสาย
ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
พระธาตุมุเตามหาพระเจดีย์องค์ที่มีความโดดเด่นเพราะเป็นเจดีย์ที่มีลักษณะแบบมอญ
มีฉัตรแบบเรียบๆและมีองค์ระฆังของเจดีย์มีลักษณะแคบเรียว ภายนอกหุ้มด้วยทองจังโก้
ภายในเป็นอิฐกลวง แตกต่างจากเจดีย์ชเวดากองที่เป็นเจดีย์แบบพม่าซึ่งเราจะเห็นได้อย่างชัดเจน ในส่วนบริเวณรอบๆองค์เจดีย์ ก็มีพระพุทธรูปหลายองค์ให้กราบไหว้
ซึ่งมีลักษณะศีลปะของมอญผสมกับศิลปะของพม่ามีความสวยงามดูแปลกตา
มีอาคารตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมของพม่าผสมตะวันตกให้ดู
นอกจากนี้ที่ด้านหนึ่งของเจดีย์ก็ยังมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ที่เก็บโบราณวัตถุต่างๆให้ชม
พระธาตุมุเตาแห่งนี้ได้กลายเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่าที่มีผู้คนทั้งคนพม่าและคนไทยเดินทางมาสักการบูชาเป็นจำนวนมาก
พระธาตุมุเตาเป็นพระธาตุที่สูงที่สุดของพม่าซึ่งมีความสูงถึง 114
เมตร
ซึ่งเป็นต้นเหตุของชื่อพระธาตุมุเตา เพราะพระธาตุมุเตาสูงจนต้องแหงนหน้าจนเมื่อยคอ
ถึงจะมองเห็นยอดพระธาตุ จึงเป็นเหตุให้แสงแดดที่แรงกล้าเผาจมูกจนแสบร้อน ซึ่งคำว่า
จมูกร้อนในภาษามอญเรียกว่า “มุเตา” นั่นเองครับ
ด้วยความเลื่อมใสและศรัทธาต่อองค์พระธาตุของชาวพม่านั้น ทำให้ชาวพม่าไปกราบไหว้ต่อองค์พระธาตุมุเตาอย่างไม่ขาดสายและสิ่งที่ทุกคนไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อวันที่
5 พฤษภาคม 2473 จึงทำให้ยอดของพระธาตุมุเตาหักพังลงมา แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมากก็คือ
เมื่อยอดพระธาตุหักลงมาแต่องค์พระธาตุนั้นไม่หักลงถึงพื้น
จึงเป็นความเชื่อของประชาชนทั้งชาวพม่าและชาวไทยว่าหากใครได้ไปกราบไหว้องค์พระธาตุแล้วได้เอาไม้ไปค้ำไว้กับยอดพระธาตุที่หักลงมาแล้วเอาหน้าผากไปแตะกับยอดองค์พระธาตุที่หักลงมาจะทำให้ชีวิตของคนคนนั้นไม่ว่าจะถึงช่วงชีวิตที่ตกต่ำยังไงเราก็ยังไม่ตกต่ำถึงที่สุดก็เปรียบเหมือนยอดพระธาตุที่ต่อให้ตกยังไงก็ตกไม่ถึงพื้นและทำให้ชีวิตของคนนั้นมีความมั่นคงถาวรนั่นเองครับ
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในพม่าที่เพื่อนๆไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาดเลยครับ
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก sprtour.com
0 ความคิดเห็น: