“มิงกาลาเจดีย์” (Mingala Zedi Pagoda) มงคลเจดีย์ ในวาระสุดท้าย
เมืองพุกามเป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ติดอันดับเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สวยงามแห่งหนึ่งในประเทศเมียนมาร์หรือพม่าเพื่อนบ้านของเรานี่เองครับ จนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวในเมืองพุกามได้ให้ฉายาว่าเป็น
“เมืองแห่งทะเลเจดีย์” เพราะมีเจดีย์มากกว่า 4000 องค์ด้วยกัน
มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายในเมืองพุกามแห่งนี้ที่เราได้กล่าวไปแล้วในบทความก่อนๆ
ซึ่งเพื่อนๆสามารถหาดูได้ในเว็บบล็อกแห่งนี้ครับ แต่ล่ะที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและอยากแนะนำให้เพื่อนๆได้ลองไปสัมผัสกันดูครับ
นอกกำแพงเมืองพุกามออกไป
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในลิสรายชื่อที่เที่ยวต้นๆในเมืองพุกาม
และก็เป็นอีกหนึ่งเจดีย์ที่เราจะแนะนำเพื่อนๆกันด้วยครับ
“มิงกาลาเจดีย์” (Mingala Zedi Pagoda) หรือที่คนไทยเรียกกันว่า “มงคลเจดีย์” หนึ่งในสถานที่ยอดฮิตในการชมพระอาทิตย์ตกดินและชมทะเลเจดีย์ที่กว้างใหญ่ไพรศาลในเมืองพุกาม
ในรัชสมัยของ “พระเจ้านรสีหปติ” กษัตริย์ในลำดับที่ 12 แห่งราชวงศ์พุกาม ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่า
พระองค์มีพระอุปนิสัยดุร้าย และไม่เลื่อมใสในพุทธศาสนา แต่ก็ทรงบัญชาให้สร้าง “มิงกาลาเจดีย์” หรือ “มงคลเจดีย์” ตามโบราณราชประเพณี
โดยสร้างเลียนแบบมหาเจดีย์ชเวสิกอง ในสมัยพระเจ้าอโนรธามหาราช
พระองค์โปรดให้จารึกไว้ที่เจดีย์แห่งนี้ว่า พระองค์ทรงเป็นจอมทัพผู้บังคับบัญชาไพร่พลขนาดมหึมาถึง 36 ล้านคน เสวยแกงกะหรี่วันละ 300 จาน
และทรงมีนางสนม 3,000 คน (รู้สึกว่าจะโอเวอร์ไปหน่อย
ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ)
ในขณะนั้น “กุบไลข่าน” จอมทัพแห่งมองโกลก็กำลังแผ่อิทธิพลลงมาทางจีนตอนใต้
เพื่อผนวกแคว้นยูนนาน
พร้อมเรียกร้องให้พุกามส่งบรรณาการไปถวายจอมจักรพรรดิที่ปักกิ่ง
แต่ทางพุกามปฏิเสธ มิหนำซ้ำยังสั่งประหารคนนำสารอีกด้วย
ครั้นเมื่อพระเจ้านรสีหปติ ทรงสร้างมิงกาลาเจดีย์
ก็เกิดมีคำทำนายว่า หากสร้างเสร็จจะเกิดหายนะ แต่เมื่อทรงยุติการก่อสร้างไว้ถึง 3 ปี ก็มีเสียงร่ำลือว่าการสร้างเจดีย์ไม่เสร็จถือเป็นอัปมงคลแก่แผ่นดินยิ่งนัก …
ท้ายที่สุด พระเจ้านรสีหปติ ทรงดำเนินการก่อสร้างต่อจนเสร็จ
ระหว่างนั้นทรงรู้อยู่แก่ใจว่า มองโกลต้องลงโทษพระองค์
จึงทรงเตรียมการก่อสร้างกำแพงป้องกันเมืองถึง 3 ชั้น
เพราะต้องสร้างอย่างรีบเร่ง
พระองค์ถึงกับบัญชาให้รื้ออิฐจากเจดีย์หลายแห่งมาก่อกำแพง ซึ่งแน่นอนว่า
พระองค์ไร้ซึ่งความนับถือศรัทธาจากอาณาราษฎรของพุกาม
พุทธศักราช 1826 กองทัพมองโกลรุกเข้าตีอาณาจักรพุกามแตก
โดยกำแพง 3 ชั้นมิอาจจะช่วยอะไรได้ พระเจ้านรสีหปติเสด็จหนีออกจากพุกาม
จนประชาชนขนานนามว่า “ตโยกะปเยมิน” หรือ กษัตริย์ผู้วิ่งหนีจีน
* สำหรับที่มาของเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของเจดีย์แห่งนี้
ต้องขอขอบคุณข้อมูล oknation.net
ที่ได้นำเรื่องราวจากหนังสือ ท่องเจดีย์ไพรใน พุกามประเทศ โดย คุณธีรภาพ
โลหิตกุล มาเล่าต่อกันฟังครับ
|
การเข้าไปชมเจดีย์ก็เหมือนเจดีย์องค์อื่นๆทั่วไป
บนทางเดินในชั้นที่สามของเจดีย์ เราพบว่าสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทุ่งเจดีย์ที่แผ่ออกไปกว้างไกล
ส่วนอีกด้านหนึ่งเห็นแม่น้ำเอยาวดี ที่มองเห็นทิวเขาได้ในระยะไกล
สำหรับเจดีย์แห่งนี้ได้มีการชำรุดเสียหายไปมาก น่าเสียดายจริงๆ ที่โบราณวัตถุอันเปรียบเสมือนจิตวิญญาณของสถานที่ได้สูญหายไป
เหลือเพียงซากที่ผุพังตั้งตระหง่านอยู่เท่านั้น
มีคนกล่าวว่า
ด้วยเหตุที่พระเจ้านรสีหปติทรงนำความล่มสลายมาสู่อาณาจักรพุกาม
มิงกลาเจดีย์จึงไม่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์อย่างดีเท่าชเวสิกองนั่นเองครับ
0 ความคิดเห็น: