พระมหามัยมุนี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่เหมือนมีชีวิต
มัณฑะเลย์ ๆ ๆ
เมืองนี้มีความน่าสนใจไม่แพ้เมืองอื่นๆในพม่าเลยครับ
ทั้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพบูชาของชาวพม่าเอง
รวมไปถึงคนไทยที่เดินทางไปแสวงบุญด้วย จำได้ว่า เมืองมัณฑะเลย์ เป็นราชธานีสุดท้ายของอาณาจักรพม่าก่อนยุคอาณานิคม ในประวัติศาสตร์นั่นเองครับ
(ถ้าจำไม่ผิดนะ)
แต่ความน่าสนใจที่เราจะเล่าสู่กันฟังในบทความนี้
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งที่บอกเลยว่าต้องไปให้ได้นะครับ
เมื่อเดินทางมาเที่ยวพม่า
พระมหามัยมุนีเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ควรไปกราบไหว้สักหนึ่งครั้งในชีวิตเปรียบเหมือนพระแก้วมรกตสิ่งสักสิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของไทยเรานั่นเองครับ เมื่อมีโอกาสไปเยือนเมืองมัณฑะเลย์ แวะไปกราบสักการะพระมหามัยมุนีก็ถือได้ว่าคุ้มค่ามากๆ
ครับ
พระมหามุนี
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่เหมือนมีชีวิตจริง ฟังเขามาเล่าอีกทีครับ
ถ้าผิดก็ขออภัยด้วย...
พระมหามุนี สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยกษัตริย์แห่งเมืองยะไข่ครับ ทรงพระสุบินว่า พระพุทธเจ้าได้รับสั่งให้สร้างพระพุทธรูปอันเป็นตัวแทนของพระองค์ เพื่อเป็นเครื่องสืบพระศาสนาไปในภายหน้า แต่สร้างอย่างไรก็ไม่อาจทำให้สวยได้ พระพุทธเจ้าจึงได้เสด็จมามอบความมีชีวิตให้ โดยตำนานเล่าว่าได้รับประทานลมหายใจจากพระพุทธเจ้านั่นเอง (ตามความเชื่อของชาวพม่าเชื่อว่า มีพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนมีชีวิตจริง ที่พระพุทธเจ้าได้ประทานลมหายใจอยู่ 5 องค์ 2 องค์อยู่ที่อินเดีย 1 องค์คือพระมหามุนี และอีก 2 องค์อยู่บนสรรค์)
ความมหัศจรรย์ของพระมหามุนีนั้น
เดิมด้วยองค์พระเองนั้นมีน้ำหนักราว 7 ตัน แต่ด้วยความศรัทธา มีผู้คนมาปิดทองคำเปลวจนปัจจุบันน้ำหนักอยู่ราว
22 ตัน
และการที่ปิดทองมากขนาดนี้ แต่พระพักตร์ที่ไม่ได้ปิดทองนั้นกลับมีขนาดใหญ่ขึ้นสมดุลกับตัวครับ
สุดท้ายคือพระพักตร์ที่มีการเปลี่ยนไป ถ้าได้ไปดูรูปพระมหามุนีที่ถ่ายไว้สามช่วงด้วยกันนั้น
(แขวนอยู่ด้านหน้าทางซ้ายมือขององค์พระ) ได้เปลี่ยนไปจริงๆ
จากรูปสมัยแรกดูเหมือนเด็กหนุ่มยังไม่ค่อยมีทองปิดเลย ส่วนอีกสองรูปติดกันเป็นใบหน้าที่เศร้าหมองหนึ่ง
และใบหน้าสดชื่นอีกหนึ่ง
และพระพักตร์ก็ดูมีอายุและมีขนาดใหญ่สมกับทองคำเปลวที่ตัวจริงๆ
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ที่อยากแนะนำเพื่อนๆนักเที่ยวได้เดินทางไปชมครับ
ด้วยความเหมือนที่มีชีวิตนี้ จึงมีประเพณีล้างพระพักตร์ถวาย โดยทุกเช้า เวลาประมาณ 04.00 น. (ตี 4) พระมหาเถระและสาธุชนทั่วไปที่ศรัทธา จะมาทำพิธีล้างพระพักตร์ด้วยน้ำอบน้ำหอมผสม ทานาคาอย่างดีพร้อมกับใช้แปรงทองแปรงที่พระโอษฐ์เสมือนหนึ่งแปรงพระทนต์ถวายพระพุทธเจ้า ก่อนใช้ผ้าจากศรัทธาสาธุชนถวายมาเช็ดจนแห้งสนิท พร้อมใช้พัดทองโบกถวาย เสมือนหนึ่งได้อุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยังทรงพระชนชีพอยู่จริง ๆ นั่นเองครับ |
พระมหามัยมุนีนั้นมีการปิดทองซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเป็นรอยย่นตะปุ่มตะป่ำไปทั่วองค์พระ
เขาว่ากันว่าหากเอานิ้วกดลงไป
ก็จะรู้สึกได้ถึงความอ่อนนิ่มของทองคำเปลวที่ปิดทับซ้อนกันนับเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ
ชั้น ตลอดระยะเวลาเนิ่นนานกว่าศตวรรษ ทำให้พระมหามัยมุนีมีอีกพระนามหนึ่งว่า “พระเนื้อนิ่ม” นั่นเองครับ
หมายเหตุ : ผู้หญิงห้ามขึ้นไปปิดทองนะครับ
ห้ามเข้าในเขตหวงห้ามด้วย ส่วนผู้ชายเข้าไปได้ครับ ซื้อทองของทางวัดและไปปิดทองได้เลย
สำหรับคุณผู้หญิงถ้าท่านไหนอยาก ติดทองหรืออยากบูชาพระมหามุนี ขอแนะนำให้ซื้อได้ที่ด้านนอก
และฝากให้ผู้ชายเอาพระที่เราบูชาไปวางไว้หน้าตักพระมหามุนี เหมือนเป็นการได้ไอน้ำอุ่น
(ลมหายใจ) จากพระมหามุนีไปด้วยนั่นเองครับ
มาชมพิธีกรรมการล้างหน้าพระมหามัยมุนี กันครับ
รับรองว่าเพื่อนๆไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนแน่นอน มีที่นี่เที่ยวเดียวครับ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก bloggang.com โดย: penpimol_c ที่รีวิวการเดินทางท่องเที่ยวพม่ามาเล่าสู่กันฟังครับ
0 ความคิดเห็น: