เจดีย์มิงกุน ความใหญ่โตที่สร้างไม่เสร็จ
อีกหนึ่งความใหญ่โตอลังกาลงานสร้างในเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์
คงเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกเสียจาก เจดีย์ที่มีนามว่า “มิงกุน” ความใหญ่โตนี้สร้างไม่เสร็จหรอกครับ
แต่ทั้งหมดเหลือไว้แค่เพียงหลักฐานและร่องรอยแห่งความทะเยอะทะยานของพระเจ้าปดุง และเหลือเพียงเศษซากไว้ให้เราได้ชมกัน
ที่ท่าเรือหมู่บ้านมิงกุน เมื่อขึ้นฝั่ง เราจะพบโบราณสถานจุดแรกที่มีชื่อว่า
เจดีย์เซตตอยา ซึ่งพระเจ้าปดุงโปรดฯให้สร้างครอบรอยพระพุทธบาทจำหลังบนหินอ่อน
เป็นสัญลักษณ์ของการก้าวย่างสู่ดินแดนที่พระเจ้าปดุงมีพระราชดำริจะสร้างเจดีย์มิงกุน
หรือ “เจดีย์จักรพรรดิ” ที่ใหญ่ที่สุดและสูงกว่าเจดีย์ใดๆในสุวรรณภูมิ
เศษซากเจดีย์ขนาดใหญ่ที่สร้างไม่เสร็จ
มีสิงห์คู่ประดับอยู่ด้านหน้า ภายในวิหารมีพระพุทธรูปขนาดเล็กประดิษฐานอยู่
มองเห็นพุทธศาสนิกชนแวะเวียนเข้าไปกราบไหว้บูชา ขอพรจากองค์พระอยู่ไม่ขาดสาย ซึ่งจะมีพระสงฆ์คอยสวดมนต์อยู่ภายในวิหาร
เหตุผลที่สร้างไม่เสร็จ
หลังจากที่พระเจ้าปดุงได้เคลื่อนทัพไปตียะไข่
แล้วสามารถชะลอพระมหามัยมุนีมาประดิษฐานที่มัณฑะเลย์ได้สำเร็จ
จึงทรงฮึกเหิมและมั่นพระทัยว่า
พระองค์ทรงมีฤทธานุภาพเหนือมหาราชทุกพระองค์ในประวัติศาสตร์ของพม่า
พระองค์จึงต้องการที่จะกระทำการใหญ่ขึ้นและยากขึ้น
ด้วยการทำสงครามแผ่พระบารมีไปรอบด้าน และกรีธาทัพมาตีกรุงรัตนโกสินทร์ที่เพิ่งจะสถาปนาได้ไม่นานถึง 2 ครั้ง คือ สงคราม 9 ทัพและการศึกท่าดินแดง แต่ต้องพ่ายแพ้กลับไป
ในขณะเดียวกันก็ทรงเกณฑ์แรงงานทาสจำนวนมากเพื่อมาสร้าง “เจดีย์มิงกุน” เพื่อประดิษฐาน “พระทันตธาตุ” ที่ได้มาจากพระเจ้ากรุงจีน โดยทรงมุ่งหวังให้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ามหาเจดีย์ในพุกาม
และใหญ่โตโอฬารกว่า “พระปฐมเจดีย์” ในสยามประเทศ ซึ่งในเวลานั้น
ถือว่าเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในสุวรรณภูมิ
เกิดแรงกดดัน
ส่งผลให้ข้าทาสชาวยะไข่ หรือชาวอาระกัน
จำนานห้าหมื่นคนหลบหนีการกดขี่แรงงานไปอยู่ในเขตเบงกอล ซึ่งเป็นดินแดนในอาณัติของอังกฤษ
แล้วซ้องสุมกำลังเป็นกองโจร ลอบโจมตีกองทัพพม่าอยู่เนืองๆ
โดยพม่ากล่าวหาว่าอังกฤษหนุนหลัง
กลายเป็นชนวนให้เกิดสงครามระหว่างพม่าและอังกฤษในเวลาต่อมา
และทำให้พม่าเสียเมืองในที่สุด
งานก่อสร้างเจดีย์มิงกุนดำเนินไปได้เพียง 7 ปีเท่านั้น พระเจ้าปดุงเสด็จสวรรคตหลังจากที่ทรงพ่ายแพ้ไทยในศึก 9 ทัพ
ส่วนมหาเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่ตามความมุ่งหวังของพระองค์จึงเสร็จเพียงแค่ฐาน
ถึงกระนั้นก็ยังสูงถึง 50 เมตร
ส่วนรอยแตกร้าวที่ฐาน
เกิดจากเหตุแผ่นดินไหวในปี พ.ศ. 2381
หากพระเจดีย์สร้างเสร็จตามแผน
คงจะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่อลังการที่สุดและสูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงถึง 152 เมตร ก็เป็นได้
ที่มา
: oknation.net/blog/supawan
|
ที่เจดีย์มิงกุน (Mingun Paya) มีจุดท่องเที่ยวหลักๆให้ชมอยู่ 3 ที่ครับ คือ
ตัวเจดีย์มิงกุนเอง ,ระฆังมิงกุน และเจดีย์ชินพิวเม (เมี๊ยะเต็งดาน)
ระฆังมิงกุน
เดินจากเจดีย์มิงกุนไปไม่ไกลนัก
ระหว่างทางจะผ่านร้านขายของที่ระลึกตั้งอยู่เรียงราย เป็นที่ตั้ง
“ระฆังมิงกุน” เป็นความตั้งใจที่พระเจ้าปดุงโปรดฯให้สร้าง
เพื่ออุทิศถวายแก่เจดีย์มิงกุน ระฆังจึงมีขนาดที่คู่ควรกัน
ระฆังมิงกุนมีเส้นรอบวงถึง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน …
เล่า..กันว่า..พระเจ้าปดุงไม่ทรงต้องการให้มีใครสร้างระฆังเลียนแบบตน
จึงรับสั่งให้ประหารนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ
ปัจจุบันระฆังใบนี้ถือว่าเป็นระฆังยักษ์ที่เล็กกว่าระฆังแห่งพระราชวังเคลมลินในกรุงมอสโคเพียงใบเดียว
แต่ระฆังเคลมลินนั้นแตกร้าวไปแล้ว ไม่สามารถนำมาใช้งานได้อีก … ส่วนระฆังมิงกุนจึงเป็นระฆังยักษ์ที่สามารถส่งเสียงก้องกังวานได้จริงๆที่เหลืออยู่บนโลก
เจดีย์ชินพิวเม (เมี๊ยะเต็งดาน)
ถ้าเราเดินไปอีกนิด ไม่ไกลจากระฆังมิงกุน จะเป็นที่ตั้งของเจดีย์ที่ได้ชื่อว่าสวยมากแห่งหนึ่ง ได้รับสมญานามว่า “ทัชมาฮาล
แห่งลุ่มน้ำเอยาวดี” นั่นคือ เจดีย์ชินพิวเม หรือเมี๊ยะเต็งดาน
เจดีย์ชินพิวเม สร้างขึ้นในปี พ.ศ.
2359 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาของพระเจ้าปดุง
เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักต่อพระมหาเทวีชินพิวเม
ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร
สาระสำคัญอยู่ที่ เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยหลักภูมิจักรวาล
ก็คือ มีองค์พระเจดีย์อยู่ตรงกลาง ณ ยอดเขาพระสุเมรุ
ที่เชื่อกันว่าเป็นแกนกลางของจักรวาล ล้อมรอบด้วยขุนเขาและมหาสมุทรตามหลักไตรภูมิ
มิงกุนเหลือเพียงซากกองอิฐอันยิ่งใหญ่มโหฬาร ไว้ให้ชื่นชม แม้ว่าจะสร้างไม่แล้วเสร็จ
แต่เจดีย์แห่งนี้ก็กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างด้วยอิฐที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปโดยปริยาย
นักท่องเที่ยวสามารถชมความยิ่งใหญ่ของเจดีย์แห่งนี้ได้เมื่อเดินทางท่องเที่ยวโดยเรือบนแม่น้ำอิระวดี
เมืองมัณฑะเลย์
0 ความคิดเห็น: