เที่ยวพม่า...สัมผัสดินแดนแห่งมนต์เสน่ห์

มหัศจรรย์แห่งศรัทธา พระธาตุอินทร์แขวน หรือ ไจ้ก์ทิโย (Kyaikhtiyo)



พระธาตุอินทร์แขวน มหัศจรรย์แห่งศรัทธา 


รอโอกาสที่จะเขียนสถานที่แห่งนี้มานานแล้ว แต่ก็ไม่ได้จังหวะที่จะเขียนซะที เพราะมัวแต่ไปเขียนบทความอื่นก่อนทุกทีไป แต่เอาเถอะครับ ไหนๆฤกษ์ดี (ไม่รู้เอาอะไรมาวัดว่าดี) ก็ขอนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวที่นักเดินทางหลายท่านได้บอกปากต่อปากว่าสุดยอดจริงๆ มาฝากครับ ที่ต้องพูดอย่างนี้ก็เพราะ มัน มหัศจรรย์จริงๆครับ เหมาะกับนักแสวงบุญ จะว่างั้นก็ได้

บนยอดเขา Paung Laung เหนือระดับ น้ำทะเล 3,615 ฟุต ที่นี่สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอแห่งความศรัทธาและน่าอัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่กำลังพูดถึงนี้ คือ พระธาตุอินทร์แขวน หรือ ไจ้ก์ทิโย (Kyaikhtiyo) ที่หลายคนอาจจะคุ้นหูคุ้นตากันมาบ้างแล้ว   ด้วยลักษณะที่น่าสนใจของพระธาตุที่โดดเด่น เป็นก้อนหินสีทองขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ เหมือนกำลังจะหล่น เป็นการท้าทายแรงดึงดูดของโลกอย่างเหลือเชื่อ

มีตำนานเรื่องเล่าถึงความน่าอัศจรรย์ต่างๆ มากมาย เเละที่เเน่ๆ ได้มีคนลองพิสูจน์กันเเล้วว่า หินสองก้อนนั้นลอยอยู่ ไม่ได้สัมผัสกัน เพราะเคยมีคนมาพิสูจน์ด้วยการนำเส้นด้ายลอดผ่านหินทั้งสองก้อนแต่ก็ยังสามารถผ่านได้ เเละที่เราเห็นเป็นสีทองนั้น ทั้งหมดคือศรัทธาของคนที่มาปิดทองคำเปลวที่องค์พระธาตุทั้งนั้น



สำหรับชาวพม่าเองยกให้ พระธาตุอินทร์แขวน เป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพม่าต้องไปสักการะ และตามความเชื่อล้านนานั้นมีความเชื่อว่า เป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีจอ (ปีหมา) ที่คนเกิดปีนี้ต้องไปนมัสการสักครั้งหนึ่งในชีวิตครับ   ความเชื่อของคนพม่า ยังบอกอีกว่าในชีวิตนี้เราควรขึ้นมาไหว้สักการะพระธาตุให้ครบ 3 ครั้ง จึงจะถือว่าได้บุญสูงสุด 



องค์เจดีย์ไจ้ทิโย (Kyaikhtiyo)    ในภาษามอญ หมายความว่า หินรูปหัวฤๅษี โดยมีตำนานเล่าขานกันในสมัยพุทธกาล 

...เล่าว่า.... ฤาษีติสสะผู้หนึ่งได้รับพระเกศาจากพระพุทธเจ้าที่ได้มอบให้ไว้เป็นตัวแทนพระพุทธองค์ให้ประชาชนสักการะ เมื่อครั้นได้มาแสดงธรรมเทศนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ ผู้ที่ได้รับมอบพระเกศาต่างก็นำไปบรรจุในสถูปเจดีย์ แต่ว่าฤๅษีติสสะกลับนำไปซ่อนไว้ในมวยผม พอเวลาล่วงเลยถึงคราวที่ฤๅษีติสสะจะต้องละสังขาร โดยมีความตั้งใจจะนำพระเกศาไปบรรจุไว้ในก้อนหินที่มีรูปร่างคล้ายกับศีรษะของตน จึงให้พระอินทร์ช่วยหาก้อนหินที่มีลักษณะเหมือนกับศีรษะ ซึ่งได้มาจากใต้ท้องมหาสมุทร และก็ให้พระอินทร์นำมาวางหรือแขวนไว้บนภูเขาหิน จึงเป็นที่มาของชื่อ "พระธาตุอินทร์แขวน" แต่ชาวพม่าและชาวมอญจะเรียกพระธาตุอินทร์แขวนว่า "ไจก์ทิโย" ซึ่งเป็นภาษามอญ หมายถึง เจดีย์บนหินที่มีรูปร่างคล้ายศีรษะฤๅษี



ที่นี่ผู้หญิงห้ามเเตะองค์พระธาตุครับ เเละห้ามเข้าไปเขตในรั้วด้วย ต้องฝากเเผ่นทองให้ผู้ชายเข้าไปปิดทองที่องค์พระธาตุ ก่อนที่จะขอสัมผัสมือถ่ายทอดบุญกลับมาให้เราครับ

พระธาตุอินทร์แขวน ตั้งอยู่ใน   ที่เมืองไจ้ก์โถ่ อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญของประเทศพม่า 
สำหรับเส้นทางการเดินทางไปพระธาตุอินทร์แขวนนั้น เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสำหรับท่านที่จะเดินทางไปเที่ยวพม่าอยู่แล้วครับ  

เริ่มต้นการเดินทางด้วยการมุ่งหน้าไปยังเมืองหงสาวดี หรือที่คนพม่าเรียกว่า พะโค (Bago) ระหว่างทางที่เราไปเมืองพะโคนั้น มีที่เเวะเที่ยวที่สำคัญหลายจุด หลักๆเลยคือ วัดไจ้ปุ้น หรือพระสี่ทิศ จากนั้น ก็เข้าสู่เขตเมืองหงสาวดี ซึ่งในขากลับจากพระธาตอินทร์แขวน เราอาจจะแวะเที่ยว พระราชวังบุเรงนอง (จำลอง) และเจดีย์ชเวมอดอว์ (ShwemawdawPagoda) ที่คนไทยนิยมเรียกว่า พระมหาเจดีย์มุเตา เจดีย์ใหญ่คู่บ้านคู่เมืองที่สูงที่สุดของพม่า

ความอัศจรรย์แห่งศรัทธานี้ยังรอให้เราได้สัทผัส และไม่แน่ว่า ถ้าหากคุณได้มาที่นี่แล้ว เป้าหมายในการมาสักการะพระธาตุอินทร์แขวนสำหรับคุณอาจจะไม่ใช่แค่ครั้งเดียว



ที่มา : chillpainai.com , oceansmile.com



Learn more »

อินเล สัมผัสบรรยากาศแสนโรแมนติกกลางทะเลสาบ



"อินเล" เป็นทะเลสาบที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ โอบล้อมอยู่ท่ามกลางหุบเขาที่สวยงาม เป็นที่ตั้งของชุมชนกลางน้ำขนาดใหญ่ ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้มานับร้อยๆปี เรียกตัวเองว่า "ชาวอินทา" ไม่ต้องบอกว่าคนที่นี่เขาใช้ชีวิตยังไงก็รู้ครับ อาศัย ทำกิจกรรมต่างๆ อยู่ในทะเลสาบล้วนๆ

แต่เอกลักษณ์ที่ไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้คงจะเป็น การพายเรือด้วยเท้า  เป็นลักษณะเฉพาะตัวของที่โดดเด่นของชาวอินทาเลยก็ว่าได้ 

เข้าสู่ทะเลสาบอันขนาบข้างไปด้วยขุนเขา ท่ามกลางบรรยากาศแสนโรแมนติก ไปดูอะไร???


วิถีชีวิตของคนที่นี่แหละที่เป็นความน่าสนใจ ลองคิดภาพการใช้ชีวิตในน้ำดูสิ ถ้าอย่างเราๆท่านๆที่อยู่แต่บนบก อะไรก็สะดวกสบายไปหมด มาลองดูการใช้ชีวิตของชาวอินทาที่นี่ เหมือนได้เปิดสมองเรียนรู้อีกครั้งครับ เราจะใช้ชีวิตกับลำน้ำ ทั้งซักผ้า อาบน้ำ ล้างจาน ดูช่างเป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายจริง ๆ บางครั้งทำให้คิดไปเองว่า เขาทำได้ยังไง?

สำหรับใครที่กำลังคิดอยู่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า หรือเมียนมาร์ที่เป็นชื่อใหม่แบบสากล ก็เป็นอีกประเทศท่องเที่ยวที่น่าลองสักครั้งครับ



อีกความน่าสนใจบนทะเลสาบแห่งนี้ คือ เกษตรกรรมลอยน้ำ เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่นำธรรมชาติรอบตัวมาใช้ประโยชน์ ซึ่งถ้ามาเที่ยวที่นี่เราจะได้ชมสวนผักลอยน้ำอย่างใกล้ชิดแบบเด็ดชิมกันสดๆ นอกจากนี้ยังมีอาชีพอีกหลากหลายที่ชาวอินทาใช้เลี้ยงชีพ ทั้งการทอผ้าทอใยบัว ทำเครื่องเงิน ทำยาสูบ ซึ่งมวนยาสด ๆ ให้ดูกันชัดๆ ไปเลย

บ้านเรือนของชาวอินทาส่วนใหญ่ เป็นเรือนสองชั้นใต้ถุงสูง ปลูกแบบปักเสาลงในน้ำ แต่ละหลังมีขนาดใหญ่มาก บางหลังก็มุงด้วยจาก โดยจะมีเรือจอดอยู่ใต้ถุนบ้านทุกหลัง เพราะเป็นพาหนะอย่างเดียวที่ใช้สัญจรไปมาในชีวิตประจำวันของชาวอินทา

อินเลกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ World Class Attration ไปแล้ว เพราะมีภูมิประเทศ วิถีชีวิต ความเป็นธรรมชาติที่สวยงาม แปลกตาไม่เหมือนที่ ใดๆ ในโลกใบนี้หรือแม้แต่ในประเทศพม่าเอง 

การนั่งเรือชมวิถีชาวอินทา กินลมชมบรรยากาศขุนเขาท่ามกลางทะเลสาบไกลสุดลูกหูลูกตา ไฮไลต์ก่อนที่เราจะจากอินเลไปคือการล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกดินทามกลางทะเลสาบพม่า  เป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจเกินคุ้ม ถ้าหากคุณได้ไป!!!

อิ่มกับบรรยากาศของทะเลสาบอินเลกันแล้ว ก็อย่าลืมแวะไหว้พระที่เจดีย์ป่าวต่ออูเพื่อเป็นสิริมงคลนะครับ


การเดินทาง

เดินทางจากประเทศไทย จากท่าขี้เหล็กถึงตองจี ใช้การเดินทางจากตองจีไปสู่ทะเลสาบอินเลประมาณ 35 กิโลเมตร ปัจจุบันรัฐบาลพม่าก่อสร้างถนนเชื่อมตองจี-อินเล ไว้พร้อมสรรพ มีโรงแรมระดับ 5 ดาว ไว้รองรับหลายแห่ง มีการจัดเส้น ทางการท่องเที่ยว อำนวยความสะดวก ด้านการคมนาคม ยานพาหนะ ที่พัก และนำเที่ยว ได้อย่างสะดวกสบาย 

ที่พักในอินเล




Learn more »

หาที่พักในเมืองพุกาม อยู่เหรอ?

เชื่อว่าใครก็รู้จักพุกาม เมืองแห่งทะเลเจดีย์  แค่เห็นภาพทุ่งทะเลเจดีย์ที่ไกลสุดลูกหูลูกตาในเมืองพุกกามแล้วทำให้ขนลุกขึ้นมาทันที  ความยิ่งใหญ่อลังการนี้ใครเป็นคนสร้าง???  ได้แต่ตั้งคำถาม!!!
แต่สำหรับเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ของพม่า ที่ดึงความสนใจของแขกทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้หลงใหลในสถาปัตยกรรมเก่าแก่แห่งนี้  ทำให้เมืองพุกกาม เป็นอีกเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อยเลยสำหรับเพื่อนชาวต่างชาติเอง

สำหรับเพื่อนนักเดินทาง ที่กำลังมองหาที่พักสำหรับการเดินทางที่สุดวิเศษในเมืองพุกกามแห่งนี้  แต่การมาที่นี่เป็นครั้งแรกและไม่แน่ใจว่าที่พักที่กำลังจะเลือกเป็นแบบไหน  ลองดูตัวเลือกที่เราแนะนำก่อนดีไหม??

3 โรงแรมขวัญใจมหาชน คนเดินทาง




ถือว่าเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ครับ ห่างจากสนามบินแค่เพียง 8 กิโลเมตรเท่านั้น ก็ถึงโรงแรมระดับ 4 ดาวแห่งนี้อย่างง่ายดาย ที่แนะนำที่พักสุดวิเศษนี้ก็เพราะด้วยบริการที่ยอดเยี่ยมแล้ว ที่ BaganLodge ยังอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองพุกาม อย่าง เจดีย์แปดเหลี่ยม, พิพิธภัณฑ์โบราณคดี, อานันทวิหาร ในระยะที่เพื่อนสามารถเดินถึงได้ไม่ยาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องบริการเลยครับ ที่นี่ติดดาวอยู่แล้ว ทางโรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกทางนันทนาการไว้ให้บริการอย่างครบครัน รวมถึง สนามกอล์ฟ (ในระยะ 3 กม.), สวน, สระว่ายน้ำกลางแจ้ง, บริการนวด, สปา โรงแรมบาแกน ลอดจ์ เป็นสถานที่ในฝันในการพักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยวผู้แสวงหาความน่าหลงใหล ความสุขสบาย และความสะดวกในเมืองพุกาม



อแมสซิ่งพุกามรีสอร์ท  ตอบโจทย์ที่พักในเมืองพุกามที่ดีที่สุดอีกหนึ่งแห่งที่อยากแนะนำ แถมยังใกล้สถานที่ท่องเที่ยว อย่าง อานันทวิหาร, ประตูตาราบะ, พระราชวังทองพุกาม
สำหรับลูกค้าที่มาพักที่รีสอร์ทแห่งนี้ จะได้รับสิ่งอำนวยสะดวกมากมายที่เพิ่มคุณค่าให้การเข้าพักของคุณในเมืองพุกาม เพื่อความสะดวกสบายของผู้เข้าพัก ทางโรงแรมได้จัดหา คอฟฟี่ช็อป, จักรยานให้เช่า, ที่จอดรถ, Wi-Fi ในพื้นที่สาธารณะ ไว้ให้บริการ รวมไปถึงบริการอื่นๆ อย่างเช่น สวน, บริการนวด, สปา, สนามกอล์ฟ ที่จะทำให้การเข้าพักของคุณน่าประทับใจไม่มีวันลืม ที่นี่ก็น่าสนนะครับ






ด้วยทำเลที่ตั้งอันเหมาะเจาะใน พุกาม  โรงแรมแห่งนี้เป็นสถานที่พักสำหรับพักผ่อนและผ่อนคลาย อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวมากมายของเมือง เช่น วิหารกะเด๊าะปะลิน, พิพิธภัณฑ์โบราณคดี, เจดีย์บูพญา  ในระยะใกล้แบบเดินไปถึง  สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ที่เพื่อนๆนักเดินทางไม่ต้องกังวลครับ  ไม่ต้องพูดอะไรมากที่พักแห่งนี้ เลือก บากัน โฮเต็ล ริเวอร์วิว เป็นบ้านหลังที่สองของคุณก็โอเคนะ



Learn more »

เจดีย์ป่าวต่ออู เจดีย์ศักดิ์สิทธิ์กลางทะเลสาบอินเล



ทะเลสาบอินเล ตั้งอยู่ในหุบเขาแห่งรัฐฉาน เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของพม่า การเที่ยวทะเลสาบอินเล นอกจากการชื่นชมกับภูมิประเทศ และธรรมชาติที่บริสุทธิ์แล้ว การสัมผัส วิถีชีวิตของชาวเมือง อย่าง ชาวอินตา ก็เป็นอีกเสน่ห์หนึ่งที่ นักท่องเที่ยวประทับใจไปนานแสนนาน 

การเที่ยวชมทะเลสาบอินเลเป็นเรื่องปกติของนักท่องเที่ยว แต่ความน่าสนใจกลางทะเลสาบแห่งนี้ คงเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นั่นก็คือ วิหารที่ตั้งเด่นเป็นสง่าเมื่อยามมองจากทะเลสาบ  “เจดีย์ป่าวต่ออู ( Phaung daw OoPagoda)


เจดีย์ป่าวต่ออู แห่งนี้ เป็นเจดีย์ที่มีพระพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานอยู่จำนวน 5 องค์ 

ในช่วงงานบุญประเพณีในเดือนตุลาคมของทุกปี จะมีการแห่เพียงสี่องค์เท่านั้น พระพุทธรูป ทั้ง5 นี้   พระเจ้าอลองสิทธู ทรงนำกลับมาจากแหลมมลายู ในศตวรรษที่ 12 และโปรดให้นำไปไว้ยังถ้ำใกล้ทะเลสาบ จนอีกร้อยปี ให้หลัง ได้มีคนไปพบเข้า และได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ในเจดีย์ป่าวต่ออูแห่งนี้  จากนั้นมีผู้เลื่อมใสศรัทธา หลั่งไหลมาปิดทององค์พระกันไม่ขาดสาย ยิ่งทองหนาขึ้น องค์พระยิ่งดูเหมือนลูกบอลทองคำลูกกลมๆเข้าไปทุกที ช่วงงานบุญประเพณีป่าวต่ออู จะมีการอัญเชิญ พระพุทธรูปขึ้นเรือหลวงแห่ไปตามชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในละแวกทะเลสาบ 10 แห่ง เป็นเวลาสองสัปดาห์เต็ม หัวเรือทำเป็นรูปนกการเวกปิดทองอย่างสวยงาม ดูคล้ายงานพระราชพิธีในสมัยโบราณมาก การที่อัญเชิญพระพุทธรูปออกมาเพียง 4 องค์ นั้น มีตำนานเล่าสืบกันมาว่า แต่เดิมนั้น ชาวบ้านอัญเชิญ พระพุทธรูปออกมาแห่ทั้ง 5 องค์ แต่ในปี พ.ศ.1965 เกิดพายุใหญ่ ทำให้เรือพลิกคว่ำ จมลงก้นทะเลสาบชาวบ้านช่วยกันงมพระพุทธรูปขึ้นมา แต่ก็พบเพียงสี่องค์เท่านั้น

เมื่อครั้นนำพระพุทธรูปทั้งสี่กลับมาที่วัด กลับพบพระพุทธรูปองค์ที่ 5 ซึ่งงมเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ตั้งรออยู่ในสภาพที่ยังมีเศษวัชพืชติดอยู่เต็มองค์ เป็นที่น่าอัศจรรย์มาก

นับแต่นั้นมาจึงไม่มีการอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ออกไปไหนเลย ส่วนตำแหน่งที่เรือพลิกคว่ำ ในปัจจุบันได้สร้างเสาปักเอาไว้เป็นที่หมาย หัวเสา ทำเป็นรูป ฮิ่นตา (หงส์)


ทุกปีในเดือนตุลาคม ในช่วงออกพรรษา จะมีงานยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวอินทา ในทะเลสาบอินเล นั่นคือ จะมีการอัญเชิญพระพุทธรูป ลงเรือการเวก ซึ่งเป็นนกในตำนานของชาวพม่า แล้วแห่ไปรอบๆทะเลสาบ โดยมีเรือร่วมในริ้วขบวนที่สวยงามนับร้อยลำ รวมถึงการพายเรือด้วยเท้าลำละหลายสิบคน ขบวนแห่จะมีราว 15 วัน ไปตามวัดต่างๆ 15 แห่งรอบๆทะเลสาบ เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้



กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่สำคัญที่สุดของชาวอินตา และผู้คนในรัฐฉาน เป็นความใฝ่ฝันของพวกหนุ่มๆ ที่จะได้มีโอกาสอาสาลงเรือพายด้วยเท้าในขบวน หรือเข้าร่วมการแข่งขันพายเรือระหว่างหมู่บ้าน อย่างน้อยก็สักครั้งในชีวิตลูกผู้ชาย เพราะนั่นจะหมายถึงการเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ และเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม ทุกวัดในหมู่บ้านที่ขบวนเรือไปจอดพัก ชาวบ้านจะจัดมหรสพสมโภชอย่างเอิกเกริก มีคนพม่าและชาวต่างชาติหลั่งไหลมาชมพิธี มากมายในแต่ละปี

ด้วยวิถีชีวิตบนทะเลสาบที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก  การเดินทางท่องเที่ยวทะเลสาบอินเลจึงเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่กระหายการท่องเที่ยว ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในรัฐฉาน  ประเทศเมียนมาร์ (พม่า)ที่น่าจดจำ



ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก  sprtour.com
Learn more »

วิหารชเวนันดอร์ หนึ่งเดียวที่เหลือลอด



ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เราต่างรู้ดีว่า เมืองมัณฑะเลย์เป็นราชธานีแห่งสุดท้ายของพม่า สถาปัตยกรรมและสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายแหล่ ในเมืองมัณฑะเลย์ ได้ถูกเผาทำลายไปพร้อมกับไฟสงคราม วิหารเก่าแก่ที่ยังเหลืออยู่ในมัณฑะเลย์เพียงหนึ่งเดียว เป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่สมัยพระเจ้ามินดง นั่นคือ  วิหารชเวนันดอร์  (Shwenandaw) วิหารที่สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง อย่างอลังกาลงานสร้าง  เป็นวิหารไม้สัก เพียงหลังเดียวของพระเจ้ามินดงที่รอดจากการเผาทําลายในช่วงสงครามโลก 

งานไม้แกะสลักที่สวยงาม  ประดับตกแต่งด้วยไม้แกะสลักที่เป็นรูปเทวดาต่างๆ วิจิตรงดงาม  มีอายุมากกว่า ๑๐๐ ปี และที่นี่ เคยเป็นที่ประทับนั่งสมาธิของพระเจ้ามินดง

ยิ่งเป็นสถาปัตยกรรมแห่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ ยิ่งทำให้ที่นี่น่าสนใจ  ความอลังการ ความงดงาม และความวิจิตรตระการตา จะปรากฏให้เห็นต่อสายตาผู้มาเยือน



"พระเจ้ามินดง" กษัตริย์ผู้ทรงสร้างที่นี่ มักจะมาปฏิบัติธรรม นั่งบำเพ็ญสมาธิ และสุดท้ายก็สิ้นพระชนม์ภายในพระตำหนักหลังนี้เช่นเดียวกัน


วิหารชเวนันดอร์ ในอดีตนั้นเคยเป็นวัดชเวนันดอร์มาก่อน ซึ่งปัจจุบันตั้งในเขตพระราชวังมัณฑะเลย์ เป็นสิ่งปลูกสร้างยุคสมัยของพระเจ้ามินดงเพียงหลังเดียวที่ยังเหลือรอด

หลังจากที่พระเจ้ามินดง สิ้นพระชนม์ลงที่อารามแห่งนี้ พระเจ้าตี่ป่อก็โปรด ให้ย้ายวัดชเวนันดอร์ออกมาไว้ยังที่ตั้งในปัจจุบันซึ่งอยู่ในเขตของพระราชวังมัณฑะเลย์ ซึ่งนับว่าเป็นการดี เพราะต่อมาพระราชวังมัณฑะเลย์ก็ถูกทำลายลงในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่วิหารชเวนันดอร์ไม่ถูกทำลายและยังหลงเหลือความงดงาม วิจิตรการตาให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม


เดิมพระเจ้าตี่ป่อทรงใช้อารามนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมส่วนพระองค์ ภายหลังจึงได้ถวายให้เป้นเสนาสนะสงฆ์ และได้จัดงานฉลองครบรอบ 100 ปี ไปเมื่อปี ค.ศ. 1979 

ในสมัยก่อนวิหารแห่งนี้เคยหุ้มด้วยทองประดับกระจกสีทั้งภายในและภายนอก แต่เวลานี้ทองได้หลุดลอกออกหมด ที่ยังเหลือให้เห็นอยู่บ้างจะเป็นบริเวณเพดานเท่านั้น และด้านในของตัววิหารยังมีพระแท่นของพระเจ้าตี่ป่อกับบัลลังก์ที่ย่อส่วนจำลองมาจากของจริงนั้นเก็บรักษาเอาไว้ภายในพระอารามด้วย

ปัจจุบันวิหารชเวนันดอร์ได้ชื่อว่ามีงานไม้ฝีมือวิจิตรประณีตมาก


บาดแผลจาก "สงคราม" ทำลายสิ่งทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ชนิดไม่อาจเรียกคืนได้

ความทรงจำแห่ง "มัณฑะเลย์" ยังสวยงามเสมอ ถึงจะเหลือเพียวเศษซาก

จะสวยงามแค่ไหนคงตอบไม่ได้  เท่ากับเราได้ไปสัมผัสเองอย่างใกล้ชิด ที่ปลายทางมัณทะเลย์  ประเทศเมียนมาร์ (พม่า)


ที่มา  moohin.in.th/trips/myanmar


Learn more »

เจดีย์มิงกุน ความใหญ่โตที่สร้างไม่เสร็จ



อีกหนึ่งความใหญ่โตอลังกาลงานสร้างในเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ คงเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกเสียจาก เจดีย์ที่มีนามว่า “มิงกุน”  ความใหญ่โตนี้สร้างไม่เสร็จหรอกครับ  แต่ทั้งหมดเหลือไว้แค่เพียงหลักฐานและร่องรอยแห่งความทะเยอะทะยานของพระเจ้าปดุง  และเหลือเพียงเศษซากไว้ให้เราได้ชมกัน

ที่ท่าเรือหมู่บ้านมิงกุน เมื่อขึ้นฝั่ง เราจะพบโบราณสถานจุดแรกที่มีชื่อว่า เจดีย์เซตตอยา ซึ่งพระเจ้าปดุงโปรดฯให้สร้างครอบรอยพระพุทธบาทจำหลังบนหินอ่อน เป็นสัญลักษณ์ของการก้าวย่างสู่ดินแดนที่พระเจ้าปดุงมีพระราชดำริจะสร้างเจดีย์มิงกุน หรือ เจดีย์จักรพรรดิ ที่ใหญ่ที่สุดและสูงกว่าเจดีย์ใดๆในสุวรรณภูมิ




เศษซากเจดีย์ขนาดใหญ่ที่สร้างไม่เสร็จ มีสิงห์คู่ประดับอยู่ด้านหน้า ภายในวิหารมีพระพุทธรูปขนาดเล็กประดิษฐานอยู่ มองเห็นพุทธศาสนิกชนแวะเวียนเข้าไปกราบไหว้บูชา ขอพรจากองค์พระอยู่ไม่ขาดสาย ซึ่งจะมีพระสงฆ์คอยสวดมนต์อยู่ภายในวิหาร



เหตุผลที่สร้างไม่เสร็จ

หลังจากที่พระเจ้าปดุงได้เคลื่อนทัพไปตียะไข่ แล้วสามารถชะลอพระมหามัยมุนีมาประดิษฐานที่มัณฑะเลย์ได้สำเร็จ จึงทรงฮึกเหิมและมั่นพระทัยว่า พระองค์ทรงมีฤทธานุภาพเหนือมหาราชทุกพระองค์ในประวัติศาสตร์ของพม่า

พระองค์จึงต้องการที่จะกระทำการใหญ่ขึ้นและยากขึ้น ด้วยการทำสงครามแผ่พระบารมีไปรอบด้าน และกรีธาทัพมาตีกรุงรัตนโกสินทร์ที่เพิ่งจะสถาปนาได้ไม่นานถึง 2 ครั้ง คือ สงคราม 9 ทัพและการศึกท่าดินแดง แต่ต้องพ่ายแพ้กลับไป

ในขณะเดียวกันก็ทรงเกณฑ์แรงงานทาสจำนวนมากเพื่อมาสร้าง “เจดีย์มิงกุน” เพื่อประดิษฐาน “พระทันตธาตุ” ที่ได้มาจากพระเจ้ากรุงจีน โดยทรงมุ่งหวังให้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ามหาเจดีย์ในพุกาม และใหญ่โตโอฬารกว่า “พระปฐมเจดีย์” ในสยามประเทศ ซึ่งในเวลานั้น ถือว่าเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในสุวรรณภูมิ

เกิดแรงกดดัน ส่งผลให้ข้าทาสชาวยะไข่ หรือชาวอาระกัน จำนานห้าหมื่นคนหลบหนีการกดขี่แรงงานไปอยู่ในเขตเบงกอล ซึ่งเป็นดินแดนในอาณัติของอังกฤษ แล้วซ้องสุมกำลังเป็นกองโจร ลอบโจมตีกองทัพพม่าอยู่เนืองๆ โดยพม่ากล่าวหาว่าอังกฤษหนุนหลัง กลายเป็นชนวนให้เกิดสงครามระหว่างพม่าและอังกฤษในเวลาต่อมา และทำให้พม่าเสียเมืองในที่สุด

งานก่อสร้างเจดีย์มิงกุนดำเนินไปได้เพียง 7 ปีเท่านั้น พระเจ้าปดุงเสด็จสวรรคตหลังจากที่ทรงพ่ายแพ้ไทยในศึก 9 ทัพ

ส่วนมหาเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่ตามความมุ่งหวังของพระองค์จึงเสร็จเพียงแค่ฐาน ถึงกระนั้นก็ยังสูงถึง 50 เมตร
ส่วนรอยแตกร้าวที่ฐาน เกิดจากเหตุแผ่นดินไหวในปี พ.. 2381

หากพระเจดีย์สร้างเสร็จตามแผน คงจะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่อลังการที่สุดและสูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงถึง 152 เมตร ก็เป็นได้

ที่มา : oknation.net/blog/supawan



ที่เจดีย์มิงกุน (Mingun Paya) มีจุดท่องเที่ยวหลักๆให้ชมอยู่ 3 ที่ครับ คือ ตัวเจดีย์มิงกุนเอง ,ระฆังมิงกุน และเจดีย์ชินพิวเม (เมี๊ยะเต็งดาน)

ระฆังมิงกุน


เดินจากเจดีย์มิงกุนไปไม่ไกลนัก  ระหว่างทางจะผ่านร้านขายของที่ระลึกตั้งอยู่เรียงราย เป็นที่ตั้ง “ระฆังมิงกุน”  เป็นความตั้งใจที่พระเจ้าปดุงโปรดฯให้สร้าง เพื่ออุทิศถวายแก่เจดีย์มิงกุน ระฆังจึงมีขนาดที่คู่ควรกัน 





ระฆังมิงกุนมีเส้นรอบวงถึง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน …
เล่า..กันว่า..พระเจ้าปดุงไม่ทรงต้องการให้มีใครสร้างระฆังเลียนแบบตน จึงรับสั่งให้ประหารนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ

ปัจจุบันระฆังใบนี้ถือว่าเป็นระฆังยักษ์ที่เล็กกว่าระฆังแห่งพระราชวังเคลมลินในกรุงมอสโคเพียงใบเดียว แต่ระฆังเคลมลินนั้นแตกร้าวไปแล้ว ไม่สามารถนำมาใช้งานได้อีก … ส่วนระฆังมิงกุนจึงเป็นระฆังยักษ์ที่สามารถส่งเสียงก้องกังวานได้จริงๆที่เหลืออยู่บนโลก

เจดีย์ชินพิวเม (เมี๊ยะเต็งดาน)


ถ้าเราเดินไปอีกนิด ไม่ไกลจากระฆังมิงกุน จะเป็นที่ตั้งของเจดีย์ที่ได้ชื่อว่าสวยมากแห่งหนึ่ง  ได้รับสมญานามว่า “ทัชมาฮาล แห่งลุ่มน้ำเอยาวดี  นั่นคือ เจดีย์ชินพิวเม หรือเมี๊ยะเต็งดาน





เจดีย์ชินพิวเม  สร้างขึ้นในปี พ.. 2359 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาของพระเจ้าปดุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักต่อพระมหาเทวีชินพิวเม ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร

สาระสำคัญอยู่ที่ เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยหลักภูมิจักรวาล ก็คือ มีองค์พระเจดีย์อยู่ตรงกลาง ณ ยอดเขาพระสุเมรุ ที่เชื่อกันว่าเป็นแกนกลางของจักรวาล ล้อมรอบด้วยขุนเขาและมหาสมุทรตามหลักไตรภูมิ






มิงกุนเหลือเพียงซากกองอิฐอันยิ่งใหญ่มโหฬาร ไว้ให้ชื่นชม แม้ว่าจะสร้างไม่แล้วเสร็จ แต่เจดีย์แห่งนี้ก็กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างด้วยอิฐที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปโดยปริยาย  นักท่องเที่ยวสามารถชมความยิ่งใหญ่ของเจดีย์แห่งนี้ได้เมื่อเดินทางท่องเที่ยวโดยเรือบนแม่น้ำอิระวดี เมืองมัณฑะเลย์   


Learn more »

LIKE US ON FACEBOOK